ข่าวล่าสุด :

เอลซิด

เอลซิด (จบ)

ณ อีกฟากของช่องแคบยิบรอลต้า กษัตริย์แห่งอาณาจักรอัลโมราวิดส์ในแอฟริกาเหนือ - "มูฮัมหมัด เบน ยูซุฟ" - ต้องการจะสร้างจักรวรรดิมุสลิมให้ยิ่งใหญ่ดังเช่นในอดีตอีกครั้ง พระองค์จึงยกทัพใหญ่ข้ามทะเลมาเข้ามาโจมตีแผ่นดินไอบีเรีย โดยบรรดาเจ้าผู้ครองแคว้นที่เปนมุสลิมทั้งหลายต่างให้การช่วยเหลือเปนการใหญ่ ทำให้กองทัพมุสลิมสามารถบุกตะลุยเข้ามาจนถึงใจกลางแผ่นดินสเปนได้อีกครั้ง และสามารถยึดเมืองสำคัญอย่างบาเลนเซียได้แล้วด้วย

ดังนั้น เมื่อโรดิโก้ทราบข่าวการรุกรานของพวกมัวร์จากแอฟริกา เขาจึงรวบรวมเหล่าขุนศึกคริสเตียนและมุสลิมที่ภักดีต่อเขาและเจ้าชายอัลบูตามินไปกราบทูลขอร่วมรบภายใต้ธงแห่งคาสตีลญ่าฯ

แต่กษัตริย์อัลฟองโซ่ก็ทรงปฏิเสธกลับไป แถมยังเย้ยหยันซ้ำกลับไปมา "ข้ารบเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งไอ้คนทรยศต่อแผ่นดินเช่นเจ้า"

ถ้าผมเปนโรดิโก้ก็คงจะมึนๆงงๆล่ะครับว่า ตูไปทรยศต่อแผ่นดินตอนไหน แถมได้ข่าวว่าเอ็งไม่ใช่หรือที่ไล่ตูออกมาไม่ใช่หรือ อัลฟองโซ่?

แต่เนื้อความตรงนี้ขัดกับประวัติศาสตร์จริงครับ เพราะในพงศาวดารบอกว่า อัลฟองโซ่นั่นแหละที่กลั้นใจไปขอความช่วยเหลือจากโรดิโก้เองต่างหาก และเอลซิดก็ยื่นคำขาดว่า เขาจะต้องเปนผู้นำทัพในสงครามครั้งนี้แต่เพียงผู้เดียวอีกด้วย - ซะงั้น?!

ครั้นเมื่อเอลซิดนำกองทัพบุกยึดเมืองบาเลนเซียได้แล้วนั้น สิ่งที่ทั้งตำนานและประวัติศาสตร์กล่าวตรงกันก็คือว่า เหล่าขุนศึกในกองทัพของเขาต่างสนับสนุน ส่งเสริม ยุยง และยุส่ง (ว่าเข้าไปนั่น) ให้เอลซิดสวมมงกุฎเปนเจ้าผู้ครองแคว้นบาเลนเซียซะเลย ซึ่งเท่ากับว่า เอลซิดจะมีอำนาจบรรดาศักดิ์เช่นกษัตริย์อีกองค์หนึ่งในแผ่นดินสเปนทันที...

ทว่า เอลซิดกลับชูมงกุฎแห่งบาเลนเซียขึ้นแล้วกล่าวว่า...

"ด้วยมงกุฎแห่งบาเลนเซียนี้ จะเปนมงกุฎแห่งกษัตริย์อัลฟองโซ กษัตริย์แห่งคาสตีลญ่าเท่านั้น!"

ใช่แล้วครับ เอลซิดเลือกที่จะภักดีต่อกษัตริย์อัลฟองโซ่สืบไป ทั้งที่พระองค์หยามเกียรติของเขาอย่างแสนสาหัส ด้วยการเนรเทศมาก่อนแล้วก็ตามที...

เพราะสิ่งที่เขาเลือกนี้ล่ะครับ ที่จะทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศของเขาจารึกอยู่ในแผ่นดิน และกลายเปนวีรบุรุษของประเทศสเปนไปตลอดกาล

ทว่า ในศึกที่บาเลนเซียนี้เองทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการรุกระลอกที่สองของพวกมุสลิม และเมื่อกษัตริย์อัลฟองโซ่ทรงทราบข่าวอาการบาดเจ็บและความภักดีของเอลซิดที่มีต่อพระองค์ กษัตริย์หนุ่มก็ทรงเร่งเคลื่อนพลมายังเมืองบาเลนเซีย และได้เข้าพบกับเอลซิดในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต โดยคำพูดสุดท้ายของเอลซิดที่กราบทูลต่ออัลฟองโซ่นั้นมีอยู่ว่า

"ข้าพระองค์ไม่เคยโกรธแค้นหรือคิดทรยศต่อพระองค์เลย เพราะพระองค์ทรงเปนกษัตริย์ของข้าพระองค์...กษัตริย์แห่งชาวสเปนทั้งปวง"

เท่านั้นล่ะครับ กษัตริย์อัลฟองโซ่ก็ทรงกรรแสงเสียพระทัยอย่างสุดซึ้ง เพราะความที่พระองค์ทรงหลงสำนึกผิด ด้วยเข้าพระทัยในตัวเอลซิดผิดมาตลอด และแม้ว่าพระองค์จะลบหลู่เกียรติของเอลซิดเอาไว้เพียงใ

บัดนี้ พระองค์จึงได้รู้แจ้งว่าแล้ว เอลซิดนั้นภักดีต่อพระองค์มากเพียงนั้น...

ในตำนานเล่าไปอีกว่า แม้เอลซิดจะสิ้นชีพในคืนนั้นไปแล้ว แต่เพราะกลัวทหารจะเสียขวัญได้ ภริยาของเขาจึงนำร่างของเขาสวมเกราะพร้อมออกรบดั้งเดิมและเอาไปตั้งผูกไว้กับไม้หลักบนหลังม้าศึก เพื่อข่มขวัญศัตรูและปลอบขวัญเหล่าทหารให้รู้ว่าเอลซิดยังมีชีวิตอยู่

เมื่อถึงรุ่งเช้า กษัตริย์อัลฟองโซ่พร้อมกับเอลซิด (ที่ม่องเท่งไปแล้ว) ก็ทรงนำกองทัพต่างๆในสเปนก็ร่วมมือกันเอาชนะกองทัพอัลโมราวิดส์ได้ในที่สุดครับ

เพราะความกล้าหาญและภักดีต่อกษัตริย์และแผ่นดินเช่นนี้นี่เอง ชาวสเปนในยุคหลังๆจึงได้ยกย่องให้การยกย่องโรดิโก้หรือเอลซิดอย่างสูงสุดทีเดียวครับ

เพราะว่าเอลซิดนั้นมิได้สู้เพื่อความยิ่งใหญ่ของตนเองเช่นกษัตริย์หรือเหล่าเจ้าครองแคว้นในยุคนั้น...

เขามิได้สู้เพื่อศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เฉกเช่นกองทัพครูเสด...

หากแต่เขานำกองทัพ "ชาวสเปนทั้งปวง" เข้าขับไล่ผู้รุกรานจากแอฟริกา - โดยไม่มีเงื่อนไขทางศาสนาใดๆมาแบ่งกั้น

ดังนั้น โรดิโก้ ดิแอช เดอ บีวาร์ - เอลซิด - ผู้เกรียงไกรจึงถูกยกย่องในฐานะมหาบุรุษแห่งแผ่นดิน

มหาบุรุษผู้สู้เพื่อแผ่นดินสเปนทั้งปวง (All spains) อย่างแท้จริงครับ
ณ อีกฟากของช่องแคบยิบรอลต้า กษัตริย์แห่งอาณาจักรอัลโมราวิดส์ในแอฟริกาเหนือ - "มูฮัมหมัด เบน ยูซุฟ" - ต้องการจะสร้างจักรวรรดิมุสลิมให้ยิ่งใหญ่ดังเช่นในอดีตอีกครั้ง พระองค์จึงยกทัพใหญ่ข้ามทะเลมาเข้ามาโจมตีแผ่นดินไอบีเรีย โดยบรรดาเจ้าผู้ครองแคว้นที่เปนมุสลิมทั้งหลายต่างให้การช่วยเหลือเปนการใหญ่ ทำให้กองทัพมุสลิมสามารถบุกตะลุยเข้ามาจนถึงใจกลางแผ่นดินสเปนได้อีกครั้ง และสามารถยึดเมืองสำคัญอย่างบาเลนเซียได้แล้วด้วย

ดังนั้น เมื่อโรดิโก้ทราบข่าวการรุกรานของพวกมัวร์จากแอฟริกา เขาจึงรวบรวมเหล่าขุนศึกคริสเตียนและมุสลิมที่ภักดีต่อเขาและเจ้าชายอัลบูตามินไปกราบทูลขอร่วมรบภายใต้ธงแห่งคาสตีลญ่าฯ

แต่กษัตริย์อัลฟองโซ่ก็ทรงปฏิเสธกลับไป แถมยังเย้ยหยันซ้ำกลับไปมา "ข้ารบเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งไอ้คนทรยศต่อแผ่นดินเช่นเจ้า"

ถ้าผมเปนโรดิโก้ก็คงจะมึนๆงงๆล่ะครับว่า ตูไปทรยศต่อแผ่นดินตอนไหน แถมได้ข่าวว่าเอ็งไม่ใช่หรือที่ไล่ตูออกมาไม่ใช่หรือ อัลฟองโซ่?

แต่เนื้อความตรงนี้ขัดกับประวัติศาสตร์จริงครับ เพราะในพงศาวดารบอกว่า อัลฟองโซ่นั่นแหละที่กลั้นใจไปขอความช่วยเหลือจากโรดิโก้เองต่างหาก และเอลซิดก็ยื่นคำขาดว่า เขาจะต้องเปนผู้นำทัพในสงครามครั้งนี้แต่เพียงผู้เดียวอีกด้วย - ซะงั้น?!

ครั้นเมื่อเอลซิดนำกองทัพบุกยึดเมืองบาเลนเซียได้แล้วนั้น สิ่งที่ทั้งตำนานและประวัติศาสตร์กล่าวตรงกันก็คือว่า เหล่าขุนศึกในกองทัพของเขาต่างสนับสนุน ส่งเสริม ยุยง และยุส่ง (ว่าเข้าไปนั่น) ให้เอลซิดสวมมงกุฎเปนเจ้าผู้ครองแคว้นบาเลนเซียซะเลย ซึ่งเท่ากับว่า เอลซิดจะมีอำนาจบรรดาศักดิ์เช่นกษัตริย์อีกองค์หนึ่งในแผ่นดินสเปนทันที...

ทว่า เอลซิดกลับชูมงกุฎแห่งบาเลนเซียขึ้นแล้วกล่าวว่า...

"ด้วยมงกุฎแห่งบาเลนเซียนี้ จะเปนมงกุฎแห่งกษัตริย์อัลฟองโซ กษัตริย์แห่งคาสตีลญ่าเท่านั้น!"

ใช่แล้วครับ เอลซิดเลือกที่จะภักดีต่อกษัตริย์อัลฟองโซ่สืบไป ทั้งที่พระองค์หยามเกียรติของเขาอย่างแสนสาหัส ด้วยการเนรเทศมาก่อนแล้วก็ตามที...

เพราะสิ่งที่เขาเลือกนี้ล่ะครับ ที่จะทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศของเขาจารึกอยู่ในแผ่นดิน และกลายเปนวีรบุรุษของประเทศสเปนไปตลอดกาล

ทว่า ในศึกที่บาเลนเซียนี้เองทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการรุกระลอกที่สองของพวกมุสลิม และเมื่อกษัตริย์อัลฟองโซ่ทรงทราบข่าวอาการบาดเจ็บและความภักดีของเอลซิดที่มีต่อพระองค์ กษัตริย์หนุ่มก็ทรงเร่งเคลื่อนพลมายังเมืองบาเลนเซีย และได้เข้าพบกับเอลซิดในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต โดยคำพูดสุดท้ายของเอลซิดที่กราบทูลต่ออัลฟองโซ่นั้นมีอยู่ว่า

"ข้าพระองค์ไม่เคยโกรธแค้นหรือคิดทรยศต่อพระองค์เลย เพราะพระองค์ทรงเปนกษัตริย์ของข้าพระองค์...กษัตริย์แห่งชาวสเปนทั้งปวง"

เท่านั้นล่ะครับ กษัตริย์อัลฟองโซ่ก็ทรงกรรแสงเสียพระทัยอย่างสุดซึ้ง เพราะความที่พระองค์ทรงหลงสำนึกผิด ด้วยเข้าพระทัยในตัวเอลซิดผิดมาตลอด และแม้ว่าพระองค์จะลบหลู่เกียรติของเอลซิดเอาไว้เพียงใ

บัดนี้ พระองค์จึงได้รู้แจ้งว่าแล้ว เอลซิดนั้นภักดีต่อพระองค์มากเพียงนั้น...

ในตำนานเล่าไปอีกว่า แม้เอลซิดจะสิ้นชีพในคืนนั้นไปแล้ว แต่เพราะกลัวทหารจะเสียขวัญได้ ภริยาของเขาจึงนำร่างของเขาสวมเกราะพร้อมออกรบดั้งเดิมและเอาไปตั้งผูกไว้กับไม้หลักบนหลังม้าศึก เพื่อข่มขวัญศัตรูและปลอบขวัญเหล่าทหารให้รู้ว่าเอลซิดยังมีชีวิตอยู่

เมื่อถึงรุ่งเช้า กษัตริย์อัลฟองโซ่พร้อมกับเอลซิด (ที่ม่องเท่งไปแล้ว) ก็ทรงนำกองทัพต่างๆในสเปนก็ร่วมมือกันเอาชนะกองทัพอัลโมราวิดส์ได้ในที่สุดครับ

เพราะความกล้าหาญและภักดีต่อกษัตริย์และแผ่นดินเช่นนี้นี่เอง ชาวสเปนในยุคหลังๆจึงได้ยกย่องให้การยกย่องโรดิโก้หรือเอลซิดอย่างสูงสุดทีเดียวครับ

เพราะว่าเอลซิดนั้นมิได้สู้เพื่อความยิ่งใหญ่ของตนเองเช่นกษัตริย์หรือเหล่าเจ้าครองแคว้นในยุคนั้น...

เขามิได้สู้เพื่อศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เฉกเช่นกองทัพครูเสด...

หากแต่เขานำกองทัพ "ชาวสเปนทั้งปวง" เข้าขับไล่ผู้รุกรานจากแอฟริกา - โดยไม่มีเงื่อนไขทางศาสนาใดๆมาแบ่งกั้น

ดังนั้น โรดิโก้ ดิแอช เดอ บีวาร์ - เอลซิด - ผู้เกรียงไกรจึงถูกยกย่องในฐานะมหาบุรุษแห่งแผ่นดิน

มหาบุรุษผู้สู้เพื่อแผ่นดินสเปนทั้งปวง (All spains) อย่างแท้จริงครับ


เครดิต : เพจ Penedge
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=470376819705829&set=a.373834299360082.86642.365098623566983&type=1&theater
Share this article :
 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. สารคดีออนไลน์ สารคดีย้อนหลัง - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger