8 กรกฎาคม....ในอดีต
8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011)
วันถึงเเก่กรรมของ เบ็ตตี ฟอร์ด ภริยาประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา
เอลิซาเบธ แอน บลูมเมอร์ วอร์เรน ฟอร์ด หรือทีรู้จักกันคือ เบ็ตตี ฟอร์ด เป็นภริยาของอดีตประธานาธิบ ดีเจอรัลด์ ฟอร์ด และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งขอ งสหรัฐอเมริกา ระหว่างปี พ.ศ. 2517 ถึงปี พ.ศ. 2520 เธอเป็นผู้ก่อตั้งเบ็ตตี ฟอร์ด เซ็นเตอร์ และเป็นประธานคนแรกของที่นี ่
เบ็ตตี ฟอร์ดเกิดในชิคาโกชื่อเดิมค ือ เอลิซาเบธ แอนน์ บลูมเมอร์ เป็นบุตรคนที่ 3 และเป็นบุตรหญิงคนเดียวของเ ซอร์วิลเลียม สตีเฟนสัน บลูมเมอร์นักเดินทางขายสินค ้าของบริษัทรอยัล รับเบอร์กับภรรยาของเขาฮอร์ เทรส นีอาร์ เธอมีพี่ชาย 2 คนคือ โรเบิร์ต และวิลเลียมจูเนียร์และหลัง จากนั้นก็ไปอาศัยอยู่ที่เดน เวอร์เพียงครู่หนึ่ง เธอเติบโตในแกรนด์ ราพิด รัฐมิชิแกนที่ซึ่งเธอได้เรี ยนจบมาจากโรงเรียนเซนเทิล
หลังจากเหตุการณ์หุ้นวอลสตี ทล่มในปีพ.ศ. 2472 เมื่อเบ็ตตี บลูมเมอร์อายุได้ 11 ปี เธอเริ่มต้นออกแบบเสื้อผ้าแ ละสอนเด็กๆเต้นรำ เธอเรียนการเต้นรำจากสตูดิโ อคาร์ลา ทราวิช แดนซ์ และเรียนจบในพ.ศ. 2478
เมื่อเธออายุได้ 16 ปี พ่อเธอเสียชีวิตจากการได้รั บสารพิษคาร์บอน โมโนไซด์ในขณะที่กำลังซ่อมร ถของครอบครัวในโรงรถ ซึ่งตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่า อาจเกิดอุบัติเหตุหรือฆ่าตั วตายซึ่งปัจจุบันไม่มีผู้ใด ทราบ ในปีพ.ศ. 2476 หลังจากเรียนจบมาจากโรงเรีย นเซนเทิล เธอได้ตั้งใจที่จะเรียนการเ ต้นรำที่นิวยอร์กแต่แม่ของเ ธอปฏิเสธ แต่เธอได้ไปเรียนการเต้นรำท ี่โรงเรียนการเต้นรำเบนนินต ันในรัฐเวอร์มอนต์แทน เธอได้เรียนกับมาร์ธา เกรแฮม และฮันยา โฮล์ม
หลังจากเธอได้เป็นลูกศิษฐ์ข องมาร์ธา เกรแฮม เบ็ตตี บลูมเมอร์ได้ย้ายไปอยู่ที่แ มนฮัตตันและได้ทำงานเกี่ยวก ับแฟชั่นที่บริษัทจอห์น โรเบิร์ต พาวเวอร์ เธอได้รับการสนับสนุนคณะของ เกรแฮมและในที่สุดก็ทำงานสำ เร็จที่คาร์เนจี ฮอลล์ แม่ของเธอได้แต่งงานใหม่กับ อาเทอร์ เมิกห์ ก็อดวิน ไม่ยินยอมเกี่ยวกับงานของเธ อและสั่งให้เธอย้ายบ้าน แต่เธอก็ไม่ยอม สุดท้ายแม่และพ่อเลี้ยงได้ม าขอร้องให้เธอกลับมาบ้านภาย ใน 6 เดือน และถ้าไม่ได้ทำงานในนิวยอร์ กก็ให้กลับไปที่มิชิแกน และเธอได้ทำในพ.ศ. 2484 เธอได้เป็นนักแฟชั่นของห้าง สรรพสินค้าแห่งหนึ่งในท้องถ ิ่น เธอได้จัดตั้งวงเต้นรำขึ้น และสอนการเต้นที่ต่างจากในแ กรนด์ ราพิด โดยรวมเด็กกับผู้พิการเข้าด ้วยกัน
ในปี พ.ศ. 2484 บลูมเมอร์ได้สมรสกับวิลเลีย ม จี วอลแลนนักขายเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่อายุ ได้ 12 ปี สามีของเธอได้เริ่มต้นขายปร ะกัน ทำให้ต้องย้ายบ้านบ่อยๆ ครั้งหนึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ใ นโทเลโด รัฐโอไฮโอที่ซึ่งเธอได้รับก ารว่าจ้างเป็นผู้สาธิตงานใน ห้างสรรพสินค้าราเซล แอนด์ ค็อกช์ งานนี้ส่งผลให้เธอเป็นพนักง านขายหญิง พวกเขาไม่มีบุตรด้วยกันและห ย่ากันในวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2490 เนื่องจากเห็นว่าเข้ากันไม่ ได้ ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2491 บลูมเมอร์ได้สมรสกับเจอรัลด ์ ฟอร์ดผู้เป็นนักกฎหมายและทห ารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งท ี่ 2ที่โบสถ์เกรซ เอพริสคอเปลในแกรนด์ ราพิด รัฐมิชิแกน การสมรสล่าช้าจนกระทั่งมีกา รคัดเลือกสั้นๆ เพราะนิตยสารเดอะนิวยอร์กไท มส์ได้รายงานว่า"เจอรี่กำลั งวิ่งเพื่อสภาและไม่มั่นใจก ับผู้เลือกตั้งว่าจะรู้สึกอ ย่างไรกับการแต่งงานกับแดนเ ซอร์ที่เคยหย่ามาแล้ว"
ทั้งคู่แต่งงานยาวนานถึง 58 ปีมีบุตร 4 คนได้แก่
ไมเคิล เจอรัลด์ ฟอร์ด
จอห์น การ์ดเนอร์ ฟอร์ด
สตีเวน เมิกห์ ฟอร์ด
ซูซาน เอลิซาเบธ ฟอร์ด
ครอบครัวฟอร์ดได้ย้ายไปอาศั ยที่ชานเมืองวอชิงตัน ดี.ซี.ในรัฐเวอร์จิเนียอยู่ ใกล้รัฐโคลัมเบียและอาศัยอย ู่ที่นั่นเป็นเวลา 25 ปี เจอรัลด์ ฟอร์ดได้กลายเป็นนักการเมือ งระดับสูงของพรรครีพับลิกัน จากนั้นได้รักการแต่งตั้งเป ็นรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ อเมริกาเมื่อสไปโร แอกนิวลาออกจากตำแหน่งนี้ใน พ.ศ. 2516 และเจอรัลด์ ฟอร์ดได้เป็นประธานาธิบดีแห ่งสหรัฐอเมริกาในพ.ศ. 2517 จากริชาร์ด นิกสันที่ลาออกไปในคดีวอเตอ ร์เกท
ในความเห็นของนิตยสารเดอะนิ วยอร์กไทมส์ว่า "คุณนายฟอร์ดได้ส่งผลกระทบต ่อธรรมเนียมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นม่าย และสามีของเธอซึ่งอยู่ในตำแ หน่งเพียง 896 วันเท่านั้น ต้องทำให้ความมีเกรียติของป ระธานาธิบดีกลับคืนมา"
ในขณะที่เธอได้เป็นสุภาพสตร ีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริ กา เธอได้ถูกโจมตีอย่างหนักเกี ่ยวกับเรื่องในอดีตหลายเรื่ อง แต่เธอก็ได้รับการสัมภาษณ์ผ ่านสื่อนิตยสาร"60 นาที"อย่างตรงไปตรงมา ทำให้มีการวัดโพลปรากฏว่ามี ผู้ชมชอบเธอถึง 75 เปอร์เซ็นต์
ในระหว่างเป็นสุภาพสตรีหมาย เลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เบ็ตตีสนับสนุนให้สตรีมีสิท ธิ์พูดจาเปิดเผย เธอสนับสนุนการพัฒนากฎหมายเ กี่ยวกับสิทธิมนุษยชน เธอได้ดำเนินการเพื่อการทำใ ห้ถูกต้องตามกฎหมายเกี่ยวกั บการทำแท้ง บทบาททางการเมืองของเธอนิตย สารไทม์ได้เรียกเธอว่าFight ing First Lady และให้เธอเป็นสตรีแห่งปีในฐ านะเป็นชาวอเมริกันที่ทำเพื ่อสิทธิสตรี เจอรัลด์ได้ถามภรรยาซึ่งสนั บสนุนสิทธิสตรีให้เลือกว่าจ ะดำเนินหรือยุติการตั้งครรภ ์ในทัศนคติของเธอ อย่างไรก็ตามเขาบอกผู้สัมภา ษณ์ แลร์รี คิง ภายในขอบเขตของพรรค
หลายสัปดาห์หลังจากเบ็ตตี ฟอร์ดเป็นสุภาพสตรีหมายเลขห นึ่งของสหรัฐอเมริกา เธอได้ตรวจพบมะเร็งเต้านมแล ะผ่าตัดเต้านมในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2517 การป่วยของเธอทำให้ชาวอเมริ กันแต่ก่อนไม่อยากพูดถึง"เม ื่อผู้หญิงคนอื่นเป็น ไม่เห็นพาดหัวข่าว" เธอพูดผ่านทางนิตยสารไทม์ว่ า"ในความเป็นจริง ฉันเป็นภริยาของประธานาธิบด ีถึงได้พาดหัวข่าวและได้นำม าก่อนที่รู้กันโดยทั่วไป โดยเฉพาะประสบการณ์นี้ที่ฉั นกำลังฟันฝ่า มันทำให้ผู้หญิงมากมายตระหน ักถึงสิ่งที่มันสามารถบังเก ิดขึ้นแก่พวกเขา ฉันมั่นใจว่า ฉันอาจจะรอดจากโรคนี้แค่เพี ยงคนเดียวหรืออาจมากกว่านั้ น"จากคำพูดนี้มีผู้สนับสนุน มากมายในวงกว้างเพื่อให้ตระ หนักถึงภัยของมะเร็งเต้านม ในหลายสัปดาห์หลังจากเบ็ตตี ฟอร์ดได้รับการผ่าตัดเอาเต้ านมออก แฮปปี้ ร็อกเคฟเฟลเลอร์ภริยาของรอง ประธานาธิบดี เนลสัน ร็อกเคฟเฟลเลอร์ก็ได้รับการ ผ่าตัดเอาเต้านมออกด้วยเช่น กัน
ในปีที่หลังจากออกจากทำเนีย บขาวพ.ศ. 2520 เบ็ตตี ฟอร์ดได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ในการทำงานในเบ็ตตี ฟอร์ด เซ็นเตอร์ เธอได้พูดถึงเรื่องของการต่ อสู้ของสตรีไว้มากมาย และได้ทำงานการกุศลทางศาสนา ในพ.ศ. 2530 เธอได้เปิดศูนย์เกี่ยวกับโร คหัวใจ แต่เป็นการทำไปได้ยาก ในพ.ศ. 2534 เธอได้รับรางวัลเหรียญตราแห ่งเสรีภาพ(Presidential Medal of Freedom)จากประธานาธิบดีจอร ์จ ดับเบิลยู. บุชและได้รางวัล Congressional Gold Medalในปีพ.ศ. 2542 ในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 เบ็ตตีได้รับรางวัลที่เป็นท ี่เคารพนับถือWoodrow Wilson Awardที่ลอสแอนเจลิส เพื่อการบริการจากWoodrow Wilson Center เธอได้อาศัยอยู่ที่รันโช มิราจ และในแบรเวอร์ เครกกับสามีของเธอ และในปีนั้นเองเจอรัลด์ ฟอร์ดสามีของเธอเสียชีวิตจา กโรคหัวใจล้มเหลวในวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2549 อายุ 93 ปี เบ็ตตี ฟอร์ดได้เดินทางมาไกลเพื่อม าร่วมพิธีฝังศพสามีของนาง
หลังจากที่สามีเสียชีวิตไปแ ล้ว เบ็ตตี้ ฟอร์ดได้อาศัยอยู่ที่เมืองร ันโชมิราจต่อไป ในขณะอายุ 93 ปี เธอเป็นอดีตผู้อาศัยในทำเนี ยบขาวที่มีอายุมากที่สุด และเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ ่งของสหรัฐอเมริกาที่มีอายุ ยืนยาวที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจาก เบสส์ ทรูแมน (97 ปี) และ เลดี เบิร์ด จอห์นสัน (94 ปี) สุขภาพที่ไม่แข็งแรงและความ อ่อนแอที่เพิ่มมากขึ้นจากกา รผ่าตัดรักษาลิ่มเลือดที่ขา ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 และเมษายน พ.ศ. 2554 ทำให้ต้องลดการใช้ชีวิตท่าม สาธาณชน ปัญหาสุขภาพของเบตตี้ ฟอร์ดทำให้เธอไม่สามารถไปร่ วมงานฝังศพของเลดี เบิร์ด จอห์นสัน เพื่อนเก่าของเธอและอดีตสุภ าพสตรีหมายเลขหนึ่ง ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 ได้ ซูซาน ฟอร์ด บุตรสาวจึงไปร่วมงานในฐานะต ัวแทนของแม่แทน
เจอรัลด์และเบ็ตตี้ ฟอร์ด เป็นประธานาธิบดีและสตรีหมา ยเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาที ่มีอายุเกินเก้าสิบปี เช่นเดียวกับอดีตสุภาพสตรีห มายเลขหนึ่ง แนนซี่ เรแกน ได้มีอายุครบ 90 ปี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ดังนั้นเธอและสามี อดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน จึงร่วมกับสามีภรรยาฟอร์ดใน ฐานะที่เป็นคู่สามีภรรยาหมา ยเลขหนึ่งที่มีอายุอยู่ในช่ วงเก้าสิบปี
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2511 เบ็ตตี้ ฟอร์ดมีอายุครบ 93 ปี เท่ากับสามี อดีตประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด ที่มีอายุเท่ากันในวันเกิดค รั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2549
เบ็ตตี้ ฟอร์ดถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ณ ศูนย์การแพทย์ไอเซนฮาวร์ เมืองรันโชมิราจ รัฐแคลิฟอร์เนีย สิริอายุ 93 ปี 3 เดือน
8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011)
วันถึงเเก่กรรมของ เบ็ตตี ฟอร์ด ภริยาประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา
เอลิซาเบธ แอน บลูมเมอร์ วอร์เรน ฟอร์ด หรือทีรู้จักกันคือ เบ็ตตี ฟอร์ด เป็นภริยาของอดีตประธานาธิบ
เบ็ตตี ฟอร์ดเกิดในชิคาโกชื่อเดิมค
หลังจากเหตุการณ์หุ้นวอลสตี
เมื่อเธออายุได้ 16 ปี พ่อเธอเสียชีวิตจากการได้รั
หลังจากเธอได้เป็นลูกศิษฐ์ข
ในปี พ.ศ. 2484 บลูมเมอร์ได้สมรสกับวิลเลีย
ทั้งคู่แต่งงานยาวนานถึง 58 ปีมีบุตร 4 คนได้แก่
ไมเคิล เจอรัลด์ ฟอร์ด
จอห์น การ์ดเนอร์ ฟอร์ด
สตีเวน เมิกห์ ฟอร์ด
ซูซาน เอลิซาเบธ ฟอร์ด
ครอบครัวฟอร์ดได้ย้ายไปอาศั
ในความเห็นของนิตยสารเดอะนิ
ในขณะที่เธอได้เป็นสุภาพสตร
ในระหว่างเป็นสุภาพสตรีหมาย
หลายสัปดาห์หลังจากเบ็ตตี ฟอร์ดเป็นสุภาพสตรีหมายเลขห
ในปีที่หลังจากออกจากทำเนีย
หลังจากที่สามีเสียชีวิตไปแ
เจอรัลด์และเบ็ตตี้ ฟอร์ด เป็นประธานาธิบดีและสตรีหมา
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2511 เบ็ตตี้ ฟอร์ดมีอายุครบ 93 ปี เท่ากับสามี อดีตประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด ที่มีอายุเท่ากันในวันเกิดค
เบ็ตตี้ ฟอร์ดถึงแก่กรรมเมื่อวันที่